TaylorSwift
อัลบั้มที่สอง
เฟียร์เลส ออกจำหน่ายในปี ค.ศ. 2008 เนื่องจากประสบความสำเร็จแบบข้ามแนวเพลงสู่แนวป็อป (pop crossover) ของซิงเกิล "
เลิฟสตอรี" และ "
ยูบีลองวิตมี" ทำให้อัลบั้ม
เฟียร์เลสเป็นอัลบั้มที่ขายดีที่สุดในสหรัฐในปี ค.ศ. 2009 อัลบั้มชนะรางวัลแกรมมี 4 รางวัล และสวิฟต์เป็นนักร้องที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับรางวัล Album of the Year อัลบั้มที่สาม
สปีกนาว(ค.ศ. 2010) ขายได้มากกว่า 1 ล้านหน่วยในสัปดาห์แรกหลังจากออกจำหน่ายที่อเมริกา ซิงเกิลที่สามของอัลบั้ม เพลง "
มีน" ได้รับรางวัลแกรมมี 2 รางวัล ในปี ค.ศ. 2012 สวิฟต์ออกอัลบั้มที่สี่
เรด ขายได้ 1.2 ล้านหน่วยในสัปดาห์เปิดตัว สูงที่สุดในรอบทศวรรษ ทำให้สวิฟต์กลายเป็นนักร้องผู้หญิงคนเดียวที่ทำยอดขายในสัปดาห์แรกได้มากกว่า 2 ล้านหน่วย ซิงเกิล "
วีอาร์เนเวอร์เอเวอร์เกตติงแบ็กทูเกเตอร์" และ "
ไอนูว์ยูเวอร์ทรับเบิล" เป็นเพลงที่ได้รับความนิยมทั่วโลก อัลบั้มชุดที่ห้า
1989 ออกจำหน่ายในปี 2014 และมียอดขายในสัปดาห์เปิดตัวมากถึง 1.287 ล้านหน่วย ทำให้เธอเป็นศิลปินคนแรก และ เพียงคนเดียวที่มียอดขายเปิดตัวอัลบั้มมากกว่า 1 ล้านหน่วย ในสัปดาห์แรก ถึง 3 อัลบั้ม โดยเพลง "
Shake It Off (เชคอิทออฟ) " , "
Blank Space (แบลงก์สเปซ) " และ "
Bad Blood (แบดบลัด) "ได้ขึ้นอันดับ 1 บน
บิลบอร์ดฮอต 100
สวิฟต์เป็นที่รู้จักว่าเพลงของเธอเป็นการเล่าเรื่องที่มาจากประสบการณ์ตรง ในฐานะนักแต่งเพลง เธอได้รับเกียรติจากสมาคมนักแต่งเพลงแนชวิลล์ (Nashville Songwriters Association) และหอเกียรติยศนักแต่งเพลง (Songwriters Hall of Fame) สวิฟต์ยังได้รับรางวัลแกรมมี 7 สาขา รางวัล
บิลบอร์ดมิวสิกอวอร์ด 12 สาขา
รางวัลสมาคมเพลงคันทรี 11 สาขา และรางวัล
อะคาเดมีออฟคันทรีมิวสิกอวอร์ด 7 สาขา จนถึงปัจจุบัน เธอขายอัลบั้มได้มากกว่า 45 ล้านหน่วย และซิงเกิลดิจิตอล 130 ล้านหน่วย นอกจากงานเกี่ยวกับดนตรี สวิฟต์ยังปรากฏในภาพยนตร์
วาเลนไทส์เดย์ (ค.ศ. 2010) , ภาพยนตร์แอนิเมชัน
เดอะโลแร็กซ์ (ค.ศ. 2012) และ "
เดอะ กิฟเวอร์ พลังพลิกโลก" (ค.ศ. 2014) เธอยังทำหน้าที่นักการกุศลโดยสนับสนุนการศึกษาศิลปะ การอ่านออกเขียนได้ของเด็ก ๆ การบรรเทาสาธารณภัย ความพยายามต่อต้านการเหยียดเพศ และการกุศลสำหรับผู้ป่วยเด็ก